บางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าซิกแพคเป็นกล้ามเนื้อที่มีกันทุกคน ทั้งเพศชายและเพศหญิง แต่เหตุผลที่ไม่เห็นอย่างชัดเจนเป็นเพราะว่ากล้ามเนื้อส่วนหน้าท้องหรือซิกแพคถูกบดบังด้วยไขมัน ยิ่งใครที่มีไขมันหน้าท้องหน้า ก็ยิ่งไม่เห็นซิกแพคได้อย่างชัดเจนนั่นเอง ดังนั้นแล้ว เงื่อนไขในการสร้างซิกแพคง่าย ๆ แบบยั่งยืนคือ การลดไขมันหน้าท้องจนเห็นกล้ามเนื้อส่วนหน้าท้องหรือซิกแพคนั่นเอง
โดยบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับซิกแพคกันให้มากยิ่งขึ้นว่าคืออะไร ทำไมผู้ชายส่วนใหญ่ถึงต้องการซิกแพค พร้อมเคล็ดลับในการสร้างซิกแพคแบบยั่งยืน เพื่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและบุคลิกภาพที่ดี
ซิกแพค ดีอย่างไร? ทำไมผู้ชายส่วนใหญ่ถึงอยากมี?
ซิกแพค (Six Pack) เป็นกล้ามเนื้อที่เรียกได้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่หลงใหลและอยากมีกันทั้งนั้น เพราะนอกจากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแล้ว ยังเป็นสามารถสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้แก่บุคคลนั้นอีกด้วย โดยกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอย่างซิกแพคนี้เป็นกล้ามเนื้อส่วนหน้าท้อง (Rectus Abdominis-Abs) ที่เรียงกันเป็นลูก ตั้งแต่ 4 – 8 ลูก แต่กระนั้น ปกติแล้วมักพบเห็นซิกแพค 6 ลูก เรียงกันข้างละ 3 ลูกเป็นหลัก
ไม่เพียงแต่ผู้ชายเท่านั้น แต่ผู้หญิงก็สามารถมีซิกแพคหรือกล้ามเนื้อส่วนหน้าท้องได้เช่นเดียวกัน แต่ความแตกต่างคือ ซิกแพคของผู้หญิงจะเห็นเป็นเพียงแนวเส้นเท่านั้น ไม่ได้เกิดเป็นลูก ๆ เหมือนกับผู้ชาย เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงกักเก็บไขมันมากกว่าผู้ชาย ส่งผลให้ไม่สามารถเห็นซิกแพคได้ชัดนั่นเอง โดยปกติแล้วมักไม่เรียกกล้ามเนื้อส่วนหน้าท้องของผู้หญิงที่ออกกำลังกายอย่างหนักว่าซิกแพค แต่จะเรียกว่า ร่อง 11 (Sexy Line) แทนนั่นเอง
เลือกกิน เลี่ยงขยะ มั่นใจในซิกแพค!
หลายคนยังมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับซิกแพคว่า ‘การอดอาหารสามารถสร้างซิกแพคได้’ แม้ว่าบางคนอาจจะทำได้จริง แต่กระนั้น ส่วนใหญ่มักไม่เห็นผล และจะดีกว่าไหมหากมีซิกแพคที่สวยงาม พร้อมกับร่างกายที่แข็งแรงควบคู่กัน โดยสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการสร้างซิกแพคคือ การลดไขมันหน้าท้อง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการออกกำลังกายและการเลือกรับประทานอาหาร ด้วยการเลือกรับประทานอาหารให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย ลดอาหารจำพวกไขมันสูงและคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) พร้อมทั้งเพิ่มโปรตีน เพื่อช่วยซ่อมแซมและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อที่สูญเสียไป
ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
อย่าเพิ่งขัดแย้งไป เพราะแม้ว่าก่อนหน้าเราจะบอกให้ลดไขมันและคาร์โบไฮเดรต แต่ไม่ได้หมายความว่าให้งดหรือเลิกกิน เพราะสารอาหารทั้ง 5 หมู่ยังคงเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากที่สุด ซึ่งควรเลือกรับประทานให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไปหรือน้อยกว่าความต้องการของร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น บางคนคิดว่าการยัดโปรตีนให้ร่างกายมาก ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อขึ้นไว ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่เลย แต่กลับกันจะทำให้ท้องอืด รู้สึกมึนหัว และไม่สบายตัวได้ โดยสารอาหาร 5 หมู่ ประกอบไปด้วย
- หมู่ที่ 1 โปรตีน (Protein) : เช่น เนื้อ นม ไข และถั่ว
- หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) : เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล และมัน
- หมู่ที่ 3 เกลือแร่ (Mineral) : เช่น พืชผัก และแร่ธาตุต่าง ๆ
- หมู่ที่ 4 วิตามิน (Vitamin) : เช่น ผลไม้
- หมู่ที่ 5 ไขมัน (Fat) : เช่น ไขมันจากพืช และสัตว์
ทฤษฎีมื้ออาหาร
ในปัจจุบัน กระแสทฤษฎีมื้ออาหารได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งการทำ IF (Intermittent Fasting) การกินอาหารชนิดคีโต (Ketogenic Diet) หรือการนับแคลอรี (Calories) เป็นต้น แม้ว่าทุก ๆ ทฤษฎีจะมีผู้เชี่ยวชาญหรือกลุ่มคนออกกำลังกายยอมรับว่าได้ผลจริง แต่ยังคงไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าทฤษฎีใดปลอดภัยและดีต่อร่างกายมากที่สุด ดังนั้นแล้ว ก่อนเลือกทฤษฎีอาหารสำหรับการเลือกทานนั้น ขึ้นอยู่กับร่างกายและความต้องการของแต่ละคน ทั้งอายุ โรคประจำตัว สภาพแวดล้อม งบประมาณ หรือความเหมาะสม เป็นต้น
บทความแนะนำ : อาหารเพิ่มกล้ามเนื้อ โปรตีนธรรมชาติ สุขภาพดีไม่ต้องพึ่งอาหารเสริม
โปรแกรมออกกำลังกายที่เหมาะสม มาพร้อมร่างกายที่สวยงาม
วิธีการออกกำลังกายที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ การเลือกออกกำลังกายทั้งแบบคาร์ดิโอ (Cardio) และแบบเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) ควบคู่กัน โดยไม่เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อได้ในเวลาเดียวกันนั่นเอง
คาร์ดิโอ (Cardio)
ความหมายของการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) คือ การใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนในระยะเวลาที่ต่อเนื่องมากกว่า 10 นาทีขึ้นไป ซึ่งเวลาที่เหมาะสมคือ ควรคาร์ดิโอ 150 นาทีต่อสัปดาห์ แต่ไม่เกิน 300 นาทีต่อสัปดาห์ โดยแบ่งเป็น 3 – 5 วันต่อสัปดาห์ตามความเหมาะสมและความสะดวก เพื่อประสิทธิภาพในการเผาผลาญที่ดีที่สุด แต่กระนั้น ข้อควรระวังคือการออกกำลังกายควรอยู่ในระดับน้อยถึงปานกลาง (Mild to Moderate Intensity) โดยเน้นที่ความสม่ำเสมอเป็นหลักแทน
เวทเทรนนิ่ง (Weight Training)
การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) สามารถทำได้ทั้งที่ยิม (Gym) ฟิตเนส (Fitness) หรือแม้แต่ทำด้วยตัวเองที่บ้าน โดยปกติแล้วการเวทเทรนนิ่งมักใช้อุปกรณ์หรือเครื่องออกกำลังกายควบคู่ด้วยได้ ไม่ว่าจะเป็นดัมเบล (Dumbbell) สมิท แมชชีน (Smith Machine) หรือโฮมยิม (Home Gym) อย่างไรก็ตามก็สามารถทำโดยปราศจากอุปกรณ์ก็ได้เช่นเดียวกันกัน ซึ่งจะเรียกกันว่าการบอดี้เวท (Body Weight) หรือก็คือการใช้น้ำหนักของตัวเองในการออกกำลังกาย
บทสรุป
แม้ว่าซิกแพคจะเป็นกลุ่มก้อนกล้ามเนื้อที่ถูกฝึกฝนและพัฒนาจนมีความแข็งแรง แต่กระนั้น กล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ก็สำคัญและไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเคลื่อนไหว หรือด้านความทนทาน ดังนั้นแล้ว ควรเลือกออกกำลังกายและฝึกฝนกล้ามเนื้อทุกส่วนแทนการเลือกฝึกฝนกล้ามเนื้อส่วนหน้าท้องหรือซิกแพคเพียงอย่างเดียว
North Fitness ร้านขายเครื่องออกกำลังกาย ศูนย์จำหน่ายเครื่องออกกำลังกายที่ใหญ่และครบครันที่สุด ซึ่งสินค้าทุกชิ้นเป็นเครื่องบริหารเฉพาะส่วนที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การออกกำลังที่ดีที่สุด พร้อมดูแลลูกค้าอย่างจริงใจ หากใครสนใจสามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าได้ผ่านเว็บไซต์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 095-324-6465