สำหรับมือใหม่ หรือนักวิ่งหน้าใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะเตรียมตัววิ่งมาราธอนยังไงดี บทความนี้มีคำตอบให้แก่ท่าน เพราะเราจะพาท่านไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการวิ่งมาราธอนให้มากยิ่งขึ้นว่าคืออะไร ต่างจากการวิ่งออกกำลังกายอย่างไร การวิ่งมีกี่ประเภท และระยะทางในการวิ่งแต่ละประเภทของ Marathon กี่กิโลเมตร พร้อมแนะนำวิธีเตรียมตัวสำหรับมือใหม่ก่อนเริ่มต้นแข่งขันวิ่งมาราธอน จะมีรายละเอียดเนื้อหาอย่างไร ตามไปดูพร้อม ๆ กันในบทความได้เลย
ทำความรู้จักกับ การวิ่งมาราธอน คืออะไร?
การวิ่งมาราธอน คือการวิ่งระยะไกลที่มีระยะทางหลายสิบกิโลเมตร ซึ่งเน้นไปที่ความทนทานของร่างกายในระยะยาวมากกว่าการระเบิดพลังในระยะสั้น โดยส่วนใหญ่แล้วการวิ่งมาราธอนจะเน้นไปที่การวิ่งบนถนนทางเรียบ เพื่อหาผู้ชนะเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าเส้นชัยได้เร็วที่สุดเป็นคนแรก นอกจากนี้ การวิ่งมาราธอนคือหนึ่งในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มนักกีฬา หรือผู้ที่ชื่นชอบการวิ่งเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งการวิ่งมาราธอนยังแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ ทั้งแบบมืออาชีพหรือแบบสมัครเล่นที่ให้บุคคลทั่วไปได้ทำการแข่งขัน
ประเภทของการวิ่งมาราธอน
การแบ่งประเภทของการวิ่งมาราธอนแบ่งได้ตามระยะทางของการวิ่ง ซึ่งแบ่งได้เป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน ประกอบไปด้วย Fun Run / Mini Marathon / Half Marathon / Full Marathon และ Ultra Marathon โดยแต่ละประเภทก็มีระยะทางและจุดประสงค์แตกต่างกันออกไปด้วย
Fun Run
เริ่มต้นที่ประเภทแรกกับ Fun Run คือ การวิ่งมาราธอนที่มีระยะทางน้อยที่สุดคือ 3 – 5 กิโลเมตร โดยปกติแล้ว Fun Run จะเน้นไปที่การสร้างสีสัน หรือการเป็นกิจกรรมส่งเสริมการวิ่ง เพื่อให้ผู้แข่งขันหรือผู้เข้าร่วมรู้สึกสนุก ผ่อนคลาย ยกตัวอย่างเช่น งานวิ่งแฟนซี หรืองานวิ่งเทศกาลต่าง ๆ
Mini Marathon
ต่อมาคือการวิ่ง Mini Marathon ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบว่าระยะทางการวิ่ง Mini Marathon กี่กิโลเมตร ซึ่งหลัก ๆ แล้วเริ่มตั้งแต่ 5 – 10 กิโลเมตร จึงเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นวิ่งแข่งขันเป็นครั้งแรก เนื่องจากระยะทางที่ไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไป จึงถือได้ว่าเป็นประเภทการแข่งขันวิ่งที่นิยมมากสำหรับมือนักวิ่งหน้าใหม่
Half Marthon
Half Marathon การวิ่งระยะไกลมีระยะทางอยู่ที่ 20 กิโลเมตร ส่วนใหญ่แล้วนักวิ่งที่พอมีประสบการณ์และต้องการท้าทายตัวเองมากขึ้นมักเลือกแข่งขันในประเภทนี้ แต่กระนั้น ในอีกกรณีก็เป็นการแข่งขันสำหรับเตรียมตัวและฝึกซ้อมลงแข่งวิ่งมาราธอนเต็มรูปแบบที่มีระยะทางมากกว่าถึงเท่าตัว
Full Marathon
การแข่งขันในระยะทางตามมาตรฐานระดับสากล Full Marathon กี่กิโลเมตร กล่าวคือระยะทางตั้งแต่ 42 กิโลเมตรเป็นต้นไป จึงจำเป็นต้องอาศัยพลังแรงกาย แรงใจ การฝึกฝน รวมถึงเทคนิคการวิ่งต่าง ๆ อย่างมาก ส่วนใหญ่แล้วนักวิ่งที่ลงประเภทนี้จะต้องมีประสบการณ์และผ่านการแข่งขันมาอย่างช่ำชอง เพราะต้องมีร่างกายที่พร้อม และเตรียมร่างกายก่อนลงแข่งอย่างน้อย 3 – 5 เดือน
Ultra Marathon
สุดท้ายคือการวิ่ง Ultra Marathon การแข่งขันสิ่งมาราธอนที่โหดและหินมากที่สุด เพราะมีระยะทางเริ่มต้นตั้งแต่ 43 กิโลเมตร ไปจนถึง 100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับรายการแข่งขันแต่ละรายการ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการแข่งขันมาราธอนประเภทนี้จะพบเห็นนักวิ่งมืออาชีพที่ต้องการท้าทายขีดจำกัดของตนเอง อย่างไรก็ตาม ควรมีการเตรียมความให้ดีก่อน เพื่อหากสภาพร่างกายไม่พร้อม อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้
เตรียมตัวก่อนวิ่งมาราธอน สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่!
อย่าเข้าใจผิดว่าการวิ่งมาราธอนหมายถึงการวิ่งแบบเดียวกับการวิ่งออกกำลังกาย เพราะการวิ่งมาราธอนมีความละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อนและหลากหลายมากกว่า ซึ่งจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวและเตรียมพร้อมก่อนการแข่งขัน ไม่เพียงนักวิ่งหน้าใหม่เท่านั้น แต่นักวิ่งมืออาชีพก็จำเป็นต้องเตรียมตัวก่อนการแข่งทุกครั้งเช่นกัน
1. การฝึกซ้อม
หัวใจสำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือการฝึกซ้อม เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าการแข่งขันวิ่งมาราธอนมีระยะทางที่ค่อนข้างไกล ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานต่อเนื่อง ดังนั้นแล้ว ก่อนตัดสินใจลงแข่งขัน ควรพิจารณาร่างกายของตนเองก่อนว่าสามารถวิ่งระยะทางไหนได้ จากนั้นวางแผนการฝึกฝน โดยเน้นไปที่การวิ่งให้ได้ระยะทางเดียวกับการแข่งขันที่ต้องการ แต่กระนั้น ไม่ควรหักโหมร่างกายมากจนทำให้ได้รับอาการบาดเจ็บ
2. การรับประทานอาหาร
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยในช่วงฝึกซ้อมจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่เน้นโปรตีนเป็นหลัก เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ทั้งนี้ทั้งนั้น สารอาหารชนิดอื่น ๆ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารและมีพละกำลังเพียงต่อการฝึกซ้อมและการแข่งขัน
3. การพักผ่อน
นอกจากการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะช่วงเวลาที่ร่างกายได้พักผ่อนจะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนที่สึกหรอจากการใช้งานอย่างหนัก โดยปกติแล้ว ควรพักผ่อนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน ตลอดช่วงเวลาการฝึกซ้อมก่อนการแข่งขัน และนอกจากนี้ 1 – 2 วันก่อนการแข่งขันควรให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ที่สุด โดยไม่เครียดหรือกดดันมากจนเกินไป
4. การตรวจร่างกาย
ทางที่ดีก่อนการแข่งขันวิ่งมาราธอนทุกครั้ง ไม่ว่าจะระยะทางมากน้อยแค่ไหนก็ควรเข้าตรวจสภาพร่างกายอย่างละเอียดกับทางโรงพยาบาลก่อนเสมอ เพื่อเช็กระบบการทำงานส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ กระดูก กล้ามเนื้อ หรือสมอง ว่าส่วนใดได้รับความเสียหายหรือไม่พร้อมสำหรับการแข่งขันหรือไม่ เพราะหากร่างกายไม่พร้อมหรือไม่ฟิตเต็มร้อย อาจส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายที่รุนแรงได้
5. ศึกษาเทคนิคการวิ่ง
ปัจจัยนี้มือใหม่หลายคนมักข้าม เพราะไม่คิดว่ามีความสำคัญมากนัก แต่จริง ๆ ทักษะและเทคนิคของการวิ่งระยะไกลมีความสำคัญอย่างมาก ไม่เพียงแต่การวิ่งไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มต้นที่การปรับท่าทางการวิ่งให้ถูกต้องตามหลักการวิ่ง พร้อมกับศึกษากลยุทธ์การวิ่ง ยกตัวอย่าง การดื่มน้ำก่อนวิ่งหรือระหว่างวิ่ง ไปจนถึงการเลือกอุปกรณ์ที่ช่วยสนับสนุนการวิ่งอย่างรองเท้าและเสื้อผ้า เป็นต้น
ซึ่งหากพูดถึงอุปกรณ์ช่วยฝึกซ้อม โดยเฉพาะ Treadmill Running เพื่อเตรียมตัวลงแข่งขันวิ่งมาราธอน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อที่ไหนดี เราขอแนะนำ North Fitness ศูนย์จำหน่ายเครื่องออกกำลังกายที่ใหญ่และครบครันที่สุด รับประกันด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี! สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้าไปเลือกชนอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายได้ที่เว็บไซต์ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 095-324-6465
บทสรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเกร็ดความรู้เรื่องเทคนิคการวิ่งระยะไกลอย่างการวิ่งมาราธอน และการเตรียมตัวก่อนลงแข่งขัน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านได้ตระหนักถึงความสำคัญและเข้าใจการวิ่งมาราธอนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด สิ่งสำคัญเหนือชัยชนะหรือการเข้าเส้นชัยคือความปลอดภัย ซึ่งจำเป็นต้องยุติการแข่งขันก่อน เพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นและรักษาก่อนนั่นเอง